5 เทคโนโลยีเกิดขึ้นใหม่ที่น่าลงทุน ในปี 2020

ในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมควรมองหาเทคโนโลยีที่เหมาะสมไว้เป็นทางเลือกสำหรับปีใหม่ที่กำลังใกล้เข้ามา 

จากรายงาน Hype Cycle for Emerging Technologies ของการ์ทเนอร์ที่เผยแพร่ออกมาเมื่อเร็วๆ นี้ ได้เผยรายละเอียดแนวโน้มของเทคโนโลยีแห่งในอนาคตที่กำลังกลายเป็นจริง  รายงานพบว่าเทคโนโลยีเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าจะส่งผลต่อการสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันให้องค์กรต่างๆ ในอีก 5 ถึง 10 ปีข้างหน้า

Brian Burke รองประธานฝ่ายการวิจัยของการ์ทเนอร์ กล่าวว่าการตัดสินใจว่าเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จะใช้ในองค์กรของคุณนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายและมีความแตกต่างกันไปในแต่ละองค์กร

“เทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่เหล่านี้แต่ละอย่างกำลังมีอัตราความก้าวหน้าที่แตกต่างกันไป และแต่ละเทคโนโลยีก็มีการนำไปใช้งานที่หลากหลาย ผู้นำด้านเทคโนโลยีในองค์กรจำเป็นต้องมองหาเทคโนโลยีและแยกแยะให้ได้ว่าเทคโนโลยีไหนมีความพร้อมเพียงพอที่จะเอามาปรับใช้กับการใช้งานเฉพาะของพวกเขาหรือไม่”

Burke ตั้งข้อสังเกตว่า อย่างไรก็ตามทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับความต้องการทางธุรกิจของคุณ หากธุรกิจมีการนำเทคโนโลยีมาใช้งานได้อย่างสอดคล้องกับการใช้งานทางธุรกิจโดยทั่วไปก็จะพบว่าเทคโนโลยีมีความคุ้มค่าน่าลงทุน

ต่อไปนี้เป็น 5 เทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่น่าสนใจ พร้อมกับตัวอย่างการนำไปใช้งาน 

  1. การตรวจจับและการทำงานแบบเคลื่อนที่

“การตรวจจับและการทำงานแบบเคลื่อนที่ดูเหมือนจะเป็นสองสิ่งที่แตกต่างกันมาก แต่จริงๆ แล้วมีความเกี่ยวพันกันอย่างใกล้ชิด เพราะการตรวจจับจะเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการทำงานแบบเคลื่อนที่”  Burke กล่าว

องค์กรที่คิดจะใช้เทคโนโลยีการตรวจจับและการทำงานแบบเคลื่อนที่ควรตรวจสอบประเภทของการนำมาใช้งานของตนเองก่อนว่าต้องการใช้งานกล้องตรวจจับสามมิติ, ระบบคลาวด์AR, โดรนส่งสินค้าน้ำหนักเบา, ยานพาหนะอัตโนมัติ ซึ่งรายงานพบว่าทั้งหมดนี้เป็นเทคโนโลยีที่กำลังอยู่ในกระแส 

  1. เทคโนโลยีมนุษย์เสมือน

รายงานระบุเทคโนโลยีเกิดขึ้นใหม่ในส่วนของมนุษย์เสมือน ประกอบด้วย  ไบโอชิป, การแสดงตัวตน, ปัญญาประดิษฐ์ที่ทำงานร่วมกับมนุษย์, อารมณ์แบบ AI, พื้นที่ทำงานเสมือนจริง และเทคโนโลยีชีวภาพ

Burke  กล่าวเสริมว่า “เมื่อเราพูดถึงมนุษย์เสมือน เรากำลังพูดถึงการให้ประสบการณ์ที่น่าประทับใจแก่ผู้คน ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์ผ่านทางพื้นที่ทำงานเสมือนจริง ซึ่งช่วยให้คุณทำงานได้จากทุกที่ หรือประสบการณ์ในการใช้งานจริงเช่นแขนขาเทียม”

  1. การประมวลและการสื่อสารหลังยุคคลาสสิก

Burke กล่าวว่าเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และการสื่อสารแบบคลาสสิกที่เกิดขึ้นในช่วง 30 ปีที่ผ่านมาถูกคาดการณ์ภายใต้กฎหมายของมัวร์

อย่างไรก็ตาม Burke ตั้งข้อสังเกตว่า “การประมวลและการสื่อสารหลังยุคคลาสสิกครอบคลุมการใช้งานเทคโนโลยีพื้นฐานในรูปแบบที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ซึ่งทำให้เรามีการเปลี่ยนแปลงขั้นตอนด้านการประมวลและการสื่อสาร”

Burke ยกตัวอย่างของสิ่งนี้ก็คือดาวเทียมวงโคจรต่ำ “ดาวเทียมมีการเปลี่ยนแปลงอย่างสมบูรณ์ซึ่งทำให้เราจะเชื่อมต่อและสื่อสารกันได้ทั่วโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่ด้อยโอกาส”

รายงานระบุว่าองค์กรควรพิจารณการประมวลและการสื่อสารหลังยุคคลาสสิก หากพวกเขามีการใช้งาน 5G หน่วยความจำยุคถัดไป ระบบดาวเทียมวงโครจรต่ำ และการพิมพ์ระดับนาโน 3 มิติ

  1. ระบบนิเวศดิจิทัล

Burke ระบุว่า “เรามีระบบนิเวศต่างๆ นับตั้งแต่ธุรกิจเริ่มต้น แต่ระบบนิเวศดิจิทัลเป็นเรื่องเกี่ยวกับวิธีที่เทคโนโลยีดิจิทัลลดปัญหาและอุปสรรคในระบบนิเวศทางธุรกิจ” นอกเหนือจากการเป็นดิจิทัลมากขึ้นและลดปัญหาและอุปสรรคแล้ว ระบบนิเวศเหล่านี้ยังมีการกระจายศูนย์มากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมข้อมูลของตัวเองและลดอำนาจของบริษัทอินเทอร์เน็ตยักษ์ใหญ่ได้

รายงานระบุตัวอย่างของเทคโนโลยีระบบนิเวศดิจิทัลว่าประกอบด้วย  DigitalOps กราฟความรู้ ข้อมูลสังเคราะห์ เว็บแบบกระจายศูนย์และองค์กรอัตโนมัติกระจายศูนย์

  1. ปัญญาประดิษฐ์ และการวิเคราะห์ขั้นสูง

“AI เป็นแนวโน้มที่แพร่หลาย” ที่ไม่เพียงแต่จะแพร่กระจายในองค์กรเท่านั้น แต่เป็นแนวโน้มที่กำลังเกิดขึ้นทั่วไป

ตามรายงานระบุว่า การใช้งานที่สำคัญที่สุดของ AI ได้แก่ การเรียนรู้ของเครื่องที่ปรับตัวได้ AI สำหรับระบบชายขอบ (edge AI), การวิเคราะห์ที่ระบบชายขอบ (edge analytic), explainable AI, แพลตฟอร์ม  AI ในรูปแบบของบริการ (PaaS), การถ่ายโอนการเรียนรู้, ระบบเครือข่าย GANs ( generative adversarial networks)   และการวิเคราะห์กราฟ

“เราเห็นความก้าวหน้าที่สำคัญในอัลกอริธึม AI ทั้งในส่วนของการนำ AI ไปใช้งาน และวิธีการที่ AI ทำให้เกิดความเป็นประชาธิปไตย ดังนั้นจึงไม่ใช่แค่เรื่องของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่เท่านั้น แต่ตอนนี้มันพร้อมให้บริการกับองค์กรทั่วไปแล้ว” Burke กล่าว